สวัสดีค่า วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ผ่าตัดโครงหน้าครั้งที่ 2 ในชีวิตให้ฟังกันค่ะ!!
เราเป็นคนที่ชอบโดนเพื่อนล้อมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าแก้มอ้วน แก้มเยอะ แก้มป่อง
จนมาถึงช่วงที่โตขึ้น จนเริ่มหาข้อมูล ถึงรู้ว่าไม่ใช่แก้มเราที่ใหญ่
แต่เป็นโหนกและกรามที่เป็นเหลี่ยม
ทำให้ใบหน้าเราดูใหญ่ค่ะ จากนั้นมาเราก็ไว้ผมปิดกรอบหน้ามาโดยตลอด
เพราะไม่อยากให้คนเห็นโครงหน้าจริงๆของเรา
บางทีก็ชอบใส่แมสปิดหน้าเวลาไปไหนมาไหน ในส่วนนี้ทำให้เราเครียดและกังวลมาก
ยิ่งถ้ามีคนมาทักก็จะยิ่งจิตตกไปใหญ่เลย
จนพออายุเข้ายี่สิบที่สามารถผ่าตัดกระดูกได้
เราก็ไปเข้ารับการผ่าตัดกระดูกโครงหน้าที่รพอื่นมาค่ะ
เท่าที่จำได้ ตอนหลังผ่าตัดเสร็จเป็นอะไรที่ทรมาณมากสำหรับเรา
แต่ด้วยความฝันที่อยากจะสวยขึ้นก็กัดฟันทนมาตลอด
แต่พอเวลาผ่านไป…เราก็เริ่มคิดว่าทำไมช่วงกรามมันไม่เป็นแบบที่เราอยากได้สักทีนะ…
เราอยากได้หน้าที่เรียว อยากได้วีไลน์มากๆ
แต่ผลก็ไม่ออกมาตามที่หวังค่ะ รอจนยุบบวมเต็มที่ก็ยังเหมือนเดิม
ทั้งเสียดายเงินด้วย หลังจากนั้นมาเราก็ไปฉีดโบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์เอาเรื่อยๆ
แต่การฉีดอะไรพวกนี้มันก็มีข้อจำกัด
จนเราได้มารู้จักกับบาโนบากิค่ะ หลังจากผ่าตัดครั้งล่าสุด ผ่านมา 2 ปีแล้ว
ในที่สุดเราก็ตัดสินใจจะผ่าตัดแก้ไขกระดูกโครงหน้า ศัลยกรรมตาและจมูกที่นี่ค่ะ!!
ช่วงโหนก กรามเราเป็นคลื่นๆไม่สม่ำเสมอกัน จมูกก็ทรงออกทู่ๆ
ในส่วนของตาถ้าไม่ใส่คอนแท็คตาจะดูง่วง
ครั้งนี้เราเลยจะทำปรับกล้ามเนื้อตาและเปิดหางตาไปด้วยค่ะ
รูปเสื้อฟ้าคือก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์คางค่ะ … TT
ต่อไปเป็นรูปหน้าสดค่ะ ครั้งแรกในชีวิตเลย
ที่เอารูปหน้าสดมาเปิดให้ดูแบบนี้ อยากให้ทกุคนดูช่วงโหนก ถึงกรามชัดๆ
ว่าหน้าเรามันเป็นคลื่นไม่เสมอกันจริงค่ะ ความจริงตอนเห็นรูปนี้เราไม่ชินเลยค่ะ
เพราะที่ผ่านมาเราถ่ายรูปโดยใช้แอพตลอด 5555555
ความฝันอีกอย่างคืออยากถ่ายรูปกล้องสดแล้วอัพได้เลยแบบไม่ต้องแต่ง ไม่ต้องมาบีบหน้าอะไรเพิ่มอีก
หวังมากไปมั้ยไม่รู้นะคะ 5555555555
เนื่องจากเราเคยผ่าตัดโครงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้วเลยกังวลมาก
เพราะรู้ดีว่าช่วงฟื้นจากยาสลบ ช่วงพักฟื้น และไม่สามารถกินอะไรตามใจปากได้เพราะมีแผลในปาก
มันทรมานมากจำได้เลยว่าหลังผ่าตัดตอนนั้น
ร้องให้ว่าจะไม่เอาอีกแล้วชีวิตนี้ ครั้งเดียวพอ ไม่ไหวจริงๆ
ทั้งที่รู้ดีว่าจะเจอกับความเจ็บปวดนั้นอีกแต่คราวนี้ก็ยังจะตัดสินใจทำ
คิดๆดูเราก็สุดยอดเหมือนกันนะ 55555555
ความอยากสวยเอาชนะทุกอย่าง เราต้องผ่านมันไปให้ได้ค่ะ!!
ก่อนผ่าตัดจะกินทุกอย่างที่อยากกินเลย (ก่อนจะกินไมได้ TT)
ครั้งหน้าหลังผ่าตัดแล้วเราจะมารีวิวให้อ่านกันนะคะ !!
<วันผ่าตัด>
พอมาถึงรพ.เราก็ได้ทำการถ่าย X-ray, CT Scan ถ่ายภาพก่อนผ่าตัดและปรึกษากับคุณหมอค่ะ
คุณหมออธิบายเกี่ยวกับการปรับโครงหน้าให้อย่างละเอียดมาก เข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ!!!
ช่วงก่อนจะถึงวันผ่าตัดเราทั้งตื่นเต้นและตั้งตารอ แต่พอมาถึงวันผ่าตัดจริงๆ
กลับรู้สึกกลัวมากจะบ้าตาย TTTTTTT เหมือนคุณหมอจะดูออก
เพราะหน้าเราดูกังวลมาก ท่านก็ช่วยปลอบใจเลยรู้สึกสบายใจขึ้นค่ะ
หลังจากนั้นก็ไปฟังแพลนการผ่าตัดศัลยกรรมตาและจมูกกับคุณหมออีกท่าน
หลังจากปรึกษาเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเข้าห้องผ่าตัดค่ะ
เคสของเราเริ่มจากทำตาก่อน (ใช้ยานอนหลับ)
จากนั้นก็ผ่าตัดปรับโครงหน้า (ใช้ยาสลบ)
และทำจมูกเป็นอันดับสุดท้ายค่ะ
ตอนที่ใช้ยานอนหลับ เราหลับไปแทบจะทันทีเลยค่ะ!!!
แต่รู้สึกเหมือนจำได้ว่าตัวเองเผลอละเมออะไรออกมาสักอย่าง
แต่ก็เลือนลางมาก เหมือนฝันไปเลยค่ะ 5555555555555555 อายคุณหมอแป้ป TT
พอทำตาเสร็จแล้วต้องมีการเปลี่ยนห้องผ่าตัดเพื่อปรับโครงหน้าในลำดับต่อไป ยอมรับว่าเบลอมาก
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าดมยาสลบไปตอนไหน….ลืมตาอีกทีก็อยู่ห้องพักฟื้นแล้วค่ะ
พอเริ่มรู้สึกตัวและทรงตัวได้แล้วก็ทำการย้ายขึ้นไปห้องพักผู้ป่วยค่ะ
ด้วยความอยากจะมีรูปเก็บไว้ตอนรีวิว เลยหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย ถ่ายไปมือสั่นไป….
จำได้ว่าคืนนั้นปวดมากจริงๆ..นอนน้ำตาไหลออกมาเอง รู้สึกเวลาผ่านไปช้ามาก
หลับได้แค่ 10 นาทีก็ตื่นเป็นคืนที่จำไม่ลืมเลยค่ะ…
ถึงจะเป็นคืนที่ลำบากสำหรับเรามากแต่ก็อยากขอบคุณคุณพยาบาลที่ดูแลเป็นอย่างดีค่ะ
(เคาท์เตอร์หน้าห้องพักผู้ป่วยมีคุณพยาบาลคอยประจำอยู่ตลอดค่ะ สามารถกดเรียกได้ค่ะ)
หลังจากรอมานานมากกกกกกกกกกก สุดท้ายก็ถึงเวลาที่สามารถดื่มน้ำได้
พอได้ดื่มน้ำก็นอนหลับไปอีกรอบ แล้วก็ตื่นมาบ้วนปาก แล้วก็หลับๆตื่นๆจนเช้าค่ะ
<วันที่ 14 หลังผ่าตัด>
เมื่อไหร่รอยช้ำตรงตาจะหายไปนะ~~~อยากแต่งตาแล้วววว
หน้าเรายังบวมอยู่เหมือนคนมีแก้ม ส่วนตรงโหนกแก้มยุบบวมเกือบจะหมดแล้ว
เวลาถ่ายรูปยิ่งเห็นชัดเลยว่าหน้าเรียวขึ้น
ตอนเช็คเครื่องสำอาง ต้องเช็ดแบบเบามือ ยังรู้สึกระบมหน้าอยู่เล็กน้อยค่ะ
<วันที่ 24 หลังผ่าตัด>
พอมาอัพรูปรีวิวบ่อยๆเลยทำให้รู้เลยว่า เราใส่เสื้อสีดำบ่อยมากเลย 55555555
ช่วงนี้ยังบวมอยู่ ตรงจมูกจะเห็นเป็นปูดๆอยู่เลย ไม่แน่ใจว่าเห็นกันไหมนะคะ
ได้แต่หวังว่ามันจะเข้าที่เร็วๆตามกาลเวลา
<วันที่ 25 หลังผ่าตัด>
ช่วงนี้ก็ยังขยันใส่ผ้ารัดหน้าบ่อยๆอยู่เหมือนเดิมค่ะ
ปกติแล้วเราจะรัดหน้าครั้งละ 40- 50 นาที ทุกครั้งที่รัดหน้ารู้สึกเหมือนหน้าค่อยๆเล็กลงยังไงไม่รู้ค่ะ
น่าจะเพราะผ้ารัดหน้ารัดตึงมากจิง รู้สึกถึงแรงกดบนหน้าเลยค่ะ
<วันที่ 26 หลังผ่าตัด>
ช็อตหันข้างแบบเผลอๆ (เผลอปลอมก็มา) 55555555555555555555555555
เมื่อก่อนเวลาถ่ายรูปมุมข้าง ตาจะดูยาวๆ แหลมๆ ต้องเพิ่งโฟโต้ชอปตลอด
ตอนนี้บอกลาได้เลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลามาแต่งแล้ว
<วันที่ 27หลังผ่าตัด>
อาบน้ำเสร็จก็ถ่ายทันทีเลยค่ะ หน้าสดมาก เขินเลย TT
ถ้าเป็นเมื่อก่อนให้ตายยังไงก็ไม่ถ่ายกล้องสดเด็ดขาดเลยค่ะ ตอนนี้เริ่มชินขึ้นมาบ้างแล้ว
ถ่ายรูปสนุกขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
เผลอแป้ปเดียวผ่านไป 2 อาทิตย์แล้ว
เทียบกับตอนอาทิตย์แรกไม่ได้เลยค่ะ ที่เวลาเหมือนเดินช้าสุดๆ TT
ตอนนี้รู้สึกว่ายุบบวมลงกว่าตอนที่แล้วอีกเล็กน้อย รู้สึกตึงน้อยลง
และอ้าปากได้กว้างมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
ดูในรูปแล้วรู้สึกใบหน้าเปลี่ยนไปกว่าแต่ก่อนมากเลยค่ะ
ชอบจมูกกับตามากเลยด้วย ถึงบริเวณแก้มจะยังดูป่องๆอยู่บ้าง
หลังทำจมูกรู้สึกอิมเมจเปลี่ยนไป จากเดิมที่หน้ากลมๆตอนนี้รู้สึกใบหน้าดูมีอะไรมากขึ้นค่ะ
หลังผ่าตัด รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นเลยพลอยทำให้ถ่ายรูปบ่อยขึ้นด้วยค่ะ
รูปฟีลสดใสขึ้นไม่อึมครึมแล้วค่ะ 55555555555
ถ้าลองเอามาเทียบกับรูปสมัยก่อนจะเห็นได้ชัดเลย
ทรงผมที่เมื่อก่อนไม่เคยทำมาก่อนก็กล้าที่จะลองทำ
ทำทุกทรงที่เคยอยากทำเลยค่ะ
ถึงโครงหน้าจะยังดูกลมเพราะบวม แต่ก็เปลี่ยนไปกว่าแต่ก่อนเยอะเลยค่ะ
ช่วงนี้เราขยันออกกำลังกายด้วย เพราะรู้สึกตัวเองอ้วนขึ้น
ยิ่งตอนเช้ารู้สึกหน้าบวมกว่าปกติเยอะเลย TT
คุณหมอบอกว่าผลลัพธ์การผ่าตัดของเราออกมาดีมาก
ถือว่าประสบความสำเร็จเลยค่ะ
แต่เพราะยังยุบบวมไม่หมดทำให้แยกไม่ออกระหว่างแก้มคล้อยหรือไขมัน
เลยต้องรอดูหลังยุบบวมอีกทีค่ะ
มาจนถึงตอนนี้เรายังไม่เจอปัญหาใดๆนะคะ
ไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนมากกว่าปกติ
การพักฟื้นหลังผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเลยค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมเกาหลีได้ที่ LINE Official: https://lin.ee/SQtrjkS
เยี่ยมชมหน้าโปรไฟล์ ผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาศัลยกรรมเกาหลีได้ที่นี่: https://oppame.co.th/author/ing-korea-surgery-consultant/
Comentarios