top of page
หน้าปก oppame (2).png
  • รูปภาพนักเขียนOPPA ME

การรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์ ก้าวใหม่ในการฟื้นฟูผิว | ศูนย์สเต็มเซลล์ บงบง (bongbong clinic stem cell)


การรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์
การรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์

การรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากสเต็มเซลล์มีความสามารถในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นและทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เนื่องจากสเต็มเซลล์ เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสามารถในการแบ่งตัวและเจริญเติบโตไปเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ได้ ซึ่งรวมถึงเซลล์ผิวหนังด้วย ทำให้สเต็มเซลล์มีความน่าสนใจในการนำมาใช้รักษาปัญหาผิวหนัง รวมถึงรอยแผลเป็นด้วยเช่นกัน วันนี้ OPPAME เลยเอาข้อมูลดี ๆ ของการรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์ มาฝากกันค่ะ

 

ทำไมสเต็มเซลล์ถึงช่วยรักษารอยแผลเป็นได้?

  • กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่: สเต็มเซลล์จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวที่เสียหาย ทำให้รอยแผลค่อยๆ จางลงและผิวเรียบเนียนขึ้น

  • เพิ่มการสร้างคอลลาเจน: สเต็มเซลล์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น

  • ลดการอักเสบ: สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รอยแผลเป็นเกิดขึ้น

กระบวนการรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์

  1. แพทย์จะทำการสกัดสเต็มเซลล์จากไขมันส่วนเกินของตัวผู้ป่วยเอง หรือจากแหล่งอื่นๆ เช่น เลือด หรือ ไขกระดูก

  2. สเต็มเซลล์ที่ได้จะถูกนำมาเตรียมและทำให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องมือของศูนย์สเต็มเซลล์ บงบง (bongbong clinic stem cell) ก่อนนำไปใช้

  3. แพทย์จะฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปในบริเวณที่เป็นรอยแผลเป็น หลังจากนั้นจะให้คำแนะนำต่าง ๆ ในการปฏิบัติตัวหลังทำ

  4. สเต็มเซลล์จะเริ่มทำงานและกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวบริเวณนั้นให้กลับมาหายดี และแผลตื้นขึ้น

ขั้นตอนการรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์

  1. การตรวจสภาพผิว: แพทย์จะทำการตรวจสอบลักษณะและความรุนแรงของรอยแผลเป็น เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

  2. การเก็บสเต็มเซลล์: สเต็มเซลล์มักถูกเก็บจากไขมันของผู้ป่วยเอง เช่น จากบริเวณหน้าท้องหรือต้นขา โดยใช้วิธีการดูดไขมัน

  3. การฉีดสเต็มเซลล์: สเต็มเซลล์ที่เก็บมาแล้วจะถูกฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีรอยแผลเป็น เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวและลดเลือนรอยแผลเป็น

  4. การฟื้นฟูหลังการรักษา: หลังการฉีด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษา และหลีกเลี่ยงแสงแดด

 

ประโยชน์ของการรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์

  1. กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่: สเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ในบริเวณที่มีรอยแผลเป็น ทำให้ผิวฟื้นตัวอย่างเป็นธรรมชาติ

  2. เพิ่มการผลิตคอลลาเจน: สเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวเต่งตึงและเรียบเนียน คอลลาเจนที่มากขึ้นช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงและผิวเนียนละเอียดขึ้น

  3. ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย: ในกรณีที่แผลเป็นเกิดจากการบาดเจ็บหรือการอักเสบ สเต็มเซลล์สามารถช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น

 

การรักษารอยแผลเป็นด้วยสเต็มเซลล์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องรอยแผลบนผิวหนัง แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ที่ศูนย์สเต็มเซลล์ บงบง (bongbong clinic stem cell) ก็มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีแนวโน้มที่น่าสนใจและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รักษาทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่จะออกมาดีที่สุด

 

 

ปรึกษาและจองโปรโมชั่นศัลยกรรมเกาหลีได้ที่นี่


💬 LINE @oppame www.connextchat.com/oppame 

🎁 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Oppa Me www.oppame.com/app (ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน)

☎️ ศูนย์ให้บริการลูกค้าสัมพันธ์ 02-109-6276


🏆 1 เดียวแอพพลิเคชั่นศัลยกรรมเกาหลีที่มีใบอนุญาตและใบรับประกันจากรัฐบาล ประเทศเกาหลีใต้

🏢 สำนักงาน: ตึก Korean Beauty Center, BTS อารีย์ ประเทศไทย

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page